วิเคราะห์การตลาดและการบริหารของ Nescafe

นโยบายการตลาดของเนสกาแฟ

          เนสกาแฟ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดตั้งแต่ 2 ประเทศขึ้นไป ได้แก่ ประเทศไทย อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ จีน ฟิลิปปินส์ แคนนาดา อินโดนีเซีย อินเดีย แอลจีเรีย สเปน ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งเนสกาแฟจะปรับกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับลักษณะตลาดแต่ละตลาด เพราะแต่ละพื้นที่มีสภาพแวดล้อมทางการตลาด ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกต่างกัน ถือเป็นการตลาดหลายประเทศ ( Multinational Marketing)

กลยุทธ์การตลาดในต่างประเทศ

         ในส่วนของกลยุทธ์การตลาดในต่างประเทศนั้น เนสกาแฟใช้กลยุทธ์ผสม (Glocalization) คือ การใช้ทั้งนโยบายมาตรฐานทั่วโลกและการตลาดแต่ละท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยหาจุดเหมือนและจุดต่าง สามารถปรับส่วนประสมการตลาดให้เหมาะแก่สภาพตลาดและพฤติกรรมในแต่ละพื้นที่ได้ เพื่อตอบสนองความต้องการจริงของประเทศหรือพื้นที่นั้นๆ

         เนสกาแฟได้ปรับเปลี่ยน และดัดแปลงในสิ่งที่เนสกาแฟคิดว่าจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านของผลิตภัณฑ์ และการสื่อสาร

          เช่น ในทั่วโลกผู้บริโภคมีการบริโภคเนสกาแฟด้วยสูตรผสมและรสชาติที่แตกต่างกัน เนสกาแฟก็ทำการปรับรสชาติและส่วนผสมให้เข้ากับรสนิยมในแต่ละท้องถิ่น  แต่นโยบายการดำเนินธุรกิจก็ยังเป็นมาตรฐานเดียวกันกับทั่วโลก 

                 ในเรื่องของการสื่อสารผ่านโฆษณา เนสกาแฟก็ปรับเปลี่ยนแนวคิดโฆษณาให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ แต่ยังคงความเป็นเนสกาแฟได้ดี คือ เน้นความรู้สึกมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับจากกาแฟ

                 ในเรื่องของข้อความที่ใช้สื่อสารแบรนด์ เนสกาแฟก็มีการใช้ข้อความที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ เช่นในประเทศจีน ใช้ข้อความที่ว่า "enjoying life to the fullest"  ประเทศออสเตรเลีย ใช้ข้อความที่ว่า "being successful and well respected"  เป็นต้น

                ที่กล่าวมานี้ ถือได้ว่าเนสกาแฟมีความสามารถในการเข้าใจท้องถิ่น และสามารถดัดแปลงส่วนประสมทางการตลาดให้เข้ากับสภาพการตลาดในแต่ละประเทศ ภายใต้แนวคิดและนโยบายมาตรฐานทั่วโลก

Nescafe >> แบรนด์ระดับโลก

รูปแบบการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Nescafe

          Nescafe แบรนด์ระดับโลกที่อยู่อันดับที่ 35 จาก 100 แบรนด์ทั่วโลก ที่วัดจากมูลค่าของแบรนด์จำนวน 11,089 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในปี 2012 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในปี 2012 เนสกาแฟจะมีมูลค่าแบรนด์ลดลงถึง -8% จาปีที่แล้วที่มีมูลค่า 12,115 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่ก็ยังถือว่าเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกรู้จัก
และยอมรับกันอย่างไม่มีข้อขัดขืน


บรรษัทข้ามชาติ  (Multinational Company)  

           ถือเป็นสิ่งเรียกแบรนด์ระดับโลกอย่าง Nescafe ได้อย่างเต็มปาก เพราะรูปแบบธุรกิจของ Nescafe เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก โดยการดำเนินการครั้งนี้ถึงแม้จะดำเนินการในมากกว่า 2 ประเทศขึ้นไป แต่การมุ่งหวังที่จะบรรลุกำไรสูงสุดของกลุ่มบริษัทโดยรวมทั้งหมด ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง


          การโฆษณาและการสื่อสารการตลาดของเนสกาแฟที่เผยแพร่ในประเทศหนึ่งๆนั้น การวางแผน การเตรียมงาน การประสานงาน หรือการผลิตงาน ได้เกิดขึ้นหรือได้รับนโยบายมาจากสหรัฐอเมริกาที่เป็นบริษัทแม่
          โดยเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดการขยายตัวของบรรษัทข้ามชาติได้ก็เห็นจะเป็น "โลกาภิวัตน์" ซึ่งเป็นการสร้างโลกให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เพื่อทำให้ธุรกิจที่ดำเนินการในแต่ละประเทศมีความสอดคล้องกันอย่างที่สุด
          และการขายาตัวของบรรษัทข้ามชาติก็เป็นชนวนก่อให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจโฆษณาข้ามชาติในที่สุด

         สำหรับโฆษณาของเนสกาแฟในเผยแพร่ในแต่ละประเทศ ถึงแม้ว่าการเล่าเรื่องจะแตกต่างกันตามแต่ละประเทศ แต่ Mood & Tone ยังคงเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเนื้อหาของโฆษณาเนสกาแฟในแต่ละประเทศก็ยังคงมีเพลงมาเกี่ยวข้องในโฆษณา รวมถึงความรู้สึกดีดีที่ส่งถึงกัน

          เอเจนซี่โฆษณาที่มีสาขาทั่วโลกอย่าง Publicis เป็นตัวแทนโฆษณาของ Nescafe ทั่วโลก

ตัวอย่างโฆษณา Nescafe ในต่างประเทศ

ประเทศอินเดีย

ประเทศฟิลิปปินส์

ประเทศแอลจิเรีย

 

ประเทศอังกฤษ สเปน และ ออสเตรเลีย ใช้ตัวเดียวกัน

         

Mood & Tone ของ Nescafe Print-Ad

Nescafe Print-Ad

          Mood and tone ของ โฆษณา Nescafe ส่วนใหญ่ที่เห็นจะใช้สีโทนแดง-ดำ เป็นส่วนมาก โดยมีส่วนน้อยที่จะแสดงภาพผลิตภัณฑ์ของ Nescafe แต่จะแสดงเป็นภาพของแก้วกาแฟสีแดงที่เป็น symbol ของ Nescafe ไปแล้ว

Brand Health Check >> ตรวจสุขภาพของ Nescafe หน่อย !

การวิเคราะห์ Brand (Brand Health Check)

Product Equity : Nescafe เป็นกาแฟที่มีจุดแข็งทางด้านรสชาติที่เข้มข้น  และรสสัมผัสที่แตกต่าง  ซึ่ง Nescafe สามารถที่จะสร้างความแตกต่างให้กับตราสินค้าอื่นๆที่เป็นคู่แข่งอยู่ในตลาดได้เป็นอย่างดี  ซึ่งในจุดนี้เป็นก็ส่งเสริมความเป็นแบรนด์ระดับโลกของ Nescafe ได้เป็นอย่างดี

Image Equity : Nescafe เป็นแบรนด์ที่มีความยิ่งใหญ่ในระดับโลก  ซึ่งแน่นอนว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความแข็งแกร่งกว่าแบรนด์อื่นๆ  ซึ่ง Nescafe ก็ได้มีการจัดกิจกรรม  ทำการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตราสินค้าอย่างต่อเนื่อง

Goodwill Equity : จะเห็นได้ว่านอกจาก Nescafe จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขายแล้ว  ยังมีกิจกรรมต่างๆที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อคืนกำไรให้แก่ผู้บริโภค  หรือส่งเสริมเยาวชนที่มีความสามารถ  อาทิเช่น  Nescafe ได้มีการจัดการประกวดวงดนตรีในระดับอุดมศึกษา  ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในประเทศ Philippine ซึ่งเป็นการส่งเสริมในการแสดงออกถึงความสามารถของเยาวชน เป็นต้น

Visual Equity : สีที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นั้นคือสีแดง  เนื่องด้วยความเป็นแบรนด์ระดับโลกนั้น  การที่จะสร้างการเชื่อมโยงของตราสินค้าเป็นสิ่งที่ Nescafe ทำได้และประสบความสำเร็จ    รวมไปถึงการออกแบบโลโก้ที่เป็นคำที่เขียวว่า “Nescafe” ก็เป็นที่รู้จักและจดจำได้อย่างกว้างขวางทั่วโลก

Channel Equity : ช่องทางที่จะทำให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการพบปะกับแบรนด์นั้นมีอยู่มากมาย  Nescafe ได้ใช้ช่องทางที่หลากหลายผสมผสานกันเพื่อดึงเอาประโยชน์ที่สูงสุดของแต่ละช่องทางออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่  จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่า Nescafe จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เรื่อยๆ  ผู้บริโภคก็สามารถรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ได้ภายในระยะเวลาไม่นาน  นอกจากนี้การที่ Nescafe ใช้สื่อที่หลากหลายนอกจากจะช่วยในการสร้างการรับรู้ในวงกว้างแล้วยังช่วยทำให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำในตราสินค้าอีกด้วย

Customer Equity : Nescafe เป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับโลก  และก็อยู่ในการดูแลของบริษัท Nestle ซึ่งก็เป็นแบรนด์ระดับโลกเช่นกัน  จากจุดนี้ทำให้เห็นว่า ทั้ง Nestle  และ  Nescafe  ประสบความสำเร็จและมีรากฐานที่มั่นคงและแข็งแรง  และเป็นแบรนด์ที่มีความเก่าแก่และมีประวัติยาวนาน  ดังนั้นจึงส่งผลทำให้มีฐานข้อมูลของลูกค้ากว้างขวางตามไปด้วย

โฆษณาตัวล่าสุดของ Nescafe ปี 2013

ในปี 2013 Nescafe เปิดตัวแคมเปญ " เนสกาแฟ 3 in 1 " 

ภายใต้แนวคิดการสื่อสาร " บางครั้ง...คำง่ายๆแค่ไม่กี่คำ มันยากที่จะพูดออกไป

ลองใช้เนสกาแฟ ทรีอินวัน แก้วนี้ บอก "คำ" ในใจ แทนคุณดีกว่า "

          NESCAFE 3in1 (เนสกาแฟ ทรีอินวัน) ผู้นำตลาดกาแฟด้วยระบบการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ให้กาแฟ ที่มีรสชาติอร่อย และกลิ่นอันหอมกรุ่นเกินห้ามใจ

          ในปีนี้ ได้นำเสนอรูปแบบหนังโฆษณาในแบบที่ไม่ซ้ำใคร โดยนำการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านความสัมพันธ์หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน คู่แต่งงาน พ่อกับลูกและแม่กับลูกสาว ซึ่งจะใช้เนสกาแฟ ทรีอินวัน เป็นตัวแทนในการสื่อถึงความรู้สึกหรือคำพูดต่างๆที่บางทียากที่จะพูดออกไปตรงๆ เช่น ขอบคุณ ขอโทษ การให้กำลังใจ โดย NESCAFE 3in1 ( เนสกาแฟ ทรีอินวัน )จะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อทุกความรู้สึก และทำให้ทุกสถานการณ์ผ่านไปได้อย่างดี

          และในปีนี้ NESCAFE 3in1 ( เนสกาแฟ ทรีอินวัน ) ก็ยังคงความพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังโฆษณาด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบทเพลงเพราะๆ ที่แต่งโดยศิลปินชื่อดังคนเดิม "แสตมป์" ที่เลือกใช้ท่วงทำนองและดนตรีที่สนุก และเนื้อเพลงที่ฟังแล้วจดจำได้ง่าย เพื่อแทนคำพูดและความรู้สึกที่ต่างกันไปในแต่ละเรื่อง อย่าพลาดชมความสนุกของภาพยนตร์โฆษณาเนสกาแฟ ทรีอินวัน ชุดใหม่และร่วมสนุกกับกิจกรรมอีกมากมายใน www.facebook.com/NESCAFE Thailand ได้แล้ววันนี้

Credit

   ผลิตภัณฑ์: NESCAFE 3 in 1

   เจ้าของผลิตภัณฑ์: บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด 

   ชื่อชุดภาพยนตร์โฆษณา: Say it with NESCAFE

   ความยาวต่อตอน: 30 วินาที

   ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์: คุณอนันต์ นุ่นซ้าย

   อาร์ต ไดเร็คเตอร์: คุณศมากร โลหะชาละ

   ก๊อปปี้ ไรเตอร์: คุณกิจตินัย วงษ์สุวรรณ

   ตัวแทนโฆษณา: Publicis (Thailand)

   โปรดักชั่น เฮ้าส์: บริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก จำกัด

เวอร์ชั่น ขอโทษ

เวอร์ชั่น ให้กำลังใจ

เวอร์ชั่น บอกรัก

โดยก่อนหน้าที่แคมเปญนี้จะออกมา ยังมี Music Video เพลงประกอบโฆษณาที่ร้องโดย 

"สแตมป์ อภิวัชญ์" ปล่อยออกมาให้คนที่ชื่นชอบฟังให้คุ้นหูกันก่อนอีกด้วย

 

ความคลาสสิกของกาแฟแก้วแดง

          ในหมวดกาแฟสำเร็จรูป หรือ Instant Coffee นั้น Nescafe เป็นผู้เล่นในตลาดที่มีความแข็งแกร่งมาก และยึดครองพื้นที่ในตลาดนี้อย่างเหนียวแน่นมายาวนาน ซึ่งครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 90% ถึงแม้ Nescafe จะไม่ได้เป็น Generic Name เหมือนกับคู่หูอย่างคอฟฟี่เมตก็ตาม แต่จะว่าไปแล้วถึงไม่ใช่ก็ถือว่าใกล้เคียงเต็มที

           เมื่อมานั่งวิเคราะห์ดูจริงๆ ก็พบว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Nescafe เป็นแบรนด์แรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดของผู้บริโภคเมื่อพูดถึงกาแฟสำเร็จรูป ทั้งนี้ก็เพราะ Nescafe พยายามสร้างความรับรู้อย่างต่อเนื่อง อย่างการใช้สื่อที่เป็น 360 องศา ซึ่งครอบคลุมชีวิตประจำวันของผู้บริโภคตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน รวมไปถึงการ Tie-In อย่างแนบเนียนโดยอาศัยแก้วสีแดง ซึ่งเป็น Brand Signature ของ Nescafe เป็นสัญลักษณ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อเปิดโทรทัศน์ในตอนเช้าก็จะเห็นผู้ประกาศข่าวนั่งเล่าข่าวพร้อมกาแฟแก้วสีแดงเป็นประจำทุกวัน หรือเมื่อออกมาจากบ้าน Nescafe ก็จะไปปรากฏตัวอยู่บนป้ายโฆษณาตามสถานที่ต่างๆ เป็นต้น เรียกว่า Nescafe แทรกซึมเข้าไปอยู่ในทุกๆ ที่ และทำการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้เป็นตัวช่วยสร้าง Awareness ทำให้เมื่อผู้บริโภคเห็นแก้วสีแดงนี้เมื่อไหร่ก็จะคิดถึงกลิ่นหอมๆ ของ Nescafe ขึ้นมาทันที

          โฆษณาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งของ Nescafe ที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ จะเห็นได้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา Nescafe มีการ Launch โฆษณาออกมามากมายชนิดทิ้งคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่น ซึ่งโฆษณาแต่ละตัวของ Nescafe มักจะเน้นถึงอารมณ์ของความรัก ความอบอุ่น และมิตรภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างบุคลิกให้กับแบรนด์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ Nescafe พยายามเติม “Emotional Benefit” เพื่อเสริมความพิเศษให้กับสินค้านอกเหนือไปจาก Core Benefit เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกดีและผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังๆ เราจะเห็นได้ว่าโฆษณาของ Nescafe จะ Target ไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น หาก Theme หลักของเรื่องก็ยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ซึ่งมีเจ้า Red Cup เป็นสื่อกลางความผูกพันอยู่ดี ทั้งนี้ก็เพราะ Nescafe ต้องการที่จะดัน Nescafe 3 in 1 ให้เป็นหัวหอกหลักในการเจาะตลาดคอกาแฟรุ่นใหม่ โดยอาศัยความแข็งแกร่งของ Master Brand อย่าง Nescafe เป็นตัวผลักดัน พูดง่ายๆ ก็คือ Nescafe ได้ส่งต่อ Brand Value ไปสู่ Sub Brand แต่ละตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนในที่สุด 3 in 1 ก็ได้กลายมาเป็นกาแฟอันดับ 1 ในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ไปในที่สุด

          ไม่เพียงแต่การสื่อสารทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพเท่านั้น หากเมื่อปีที่ผ่านมา Nescafe ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ในตลาดกาแฟ 3 in 1 โดยส่ง Nescafe Protect ProSlim กระโจนลงสังเวียนตลาดกาแฟลดความอ้วน เพื่อรักษาฐานลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเอาไว้ เนื่องจากเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรงทำให้กลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่รักษาหุ่นเริ่มหดหายไปจากตลาดรวมที่ Nescafe ครอบครองอยู่ ซึ่ง Nescafe พบว่า Insight ของผู้บริโภคไทยโดยเฉพาะผู้หญิงจะกังวลกับเรื่องความอ้วนในแง่ของ Healthy Beauty จึงได้ส่ง Nescafe Protect ProSlim ซึ่งมีจุดเด่นที่มีส่วนผสมจากสารสกัดถั่วขาวและใยอาหาร และมีสารต้านอนุมูลอิสระจากเมล็ดกาแฟสดที่ไม่ผ่านการคั่วบดที่ Nescafe บอกว่าเป็นเพียงรายเดียวของโลกลงสนาม และเสริมความแรงด้วยโฆษณาชุด “Favorite Clothes” ที่สื่อถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ ซึ่งเรียกว่าเป็นการตีได้อย่างตรงจุด เพราะไม่เพียงแต่สร้างความฮือฮาให้กับตลาดแต่ยังสามารถสร้าง Brand Image ว่าเป็นกาแฟที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย

          อาจจะกล่าวได้ว่า การผสมผสานกันอย่างลงตัวของการสื่อสารการตลาด การ Launch สินค้าใหม่ ประกอบกับความแข็งแกร่งของ Nescafe Red Cup ที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน เป็นเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ Nescafe เป็นแบรนด์แรกที่ผู้บริโภคนึกถึงเมื่อต้องการซื้อกาแฟสำเร็จรูป

หอมกลมกล่อมไปกับ...Nescafe

         

       
             Nescafe เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือ Nestle ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำในตลาดกาแฟ  และได้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งต่อมา Nescafe ได้มีการรุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อ9ต้องการเจาะกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายในวงกว้าง และปรับเปลี่ยน Package ให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆทั้งในช่วงเวลาปกติ  และช่วงเวลาพิเศษ  ซึ่งนอกจากจะเป็นการตอกย้ำในตราผลิตภัณฑ์แล้ว  ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์และความภักดีในตราผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค เพื่อความเป็นหนึ่งของผู้นำผลิตภัณฑ์กาแฟ

 
          Nescafe มีรสชาติที่โดดเด่น กลมกล่อม มีรสกาแฟแท้ให้เลือกสัมผัสที่แตกต่าง ถูกพัฒนาโดยผู้ที่เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีที่สมัยใหม่ สร้างความแตกต่างให้กับตราผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เป็นคู่แข่งอยู่ในตลาดได้เป็นอย่างดี และเป็นแบรนด์ดังระดับโลกที่เป็นที่รู้จักมายาวนานNescafe ยังคงได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำของตลาดกาแฟ และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในอันดับต้นๆของโลก

          Nescafe มี Line Product ที่เข้มแข็ง สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งยังมีเครือข่ายร้านค้าจำนวนมาก ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึง Nescafe ได้ทำการสื่อสารกับผู้บริโภค โดยสร้างความตอกย้ำให้แก่ผู้บริโภคเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความภักดีต่อแบรนด์ ผ่านสื่อโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ความรู้สึกของการเริ่มมองโลกในอีกมุมมอง การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส และการเปิดรับด้านดีๆ ของชีวิตนั้น จะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่กำลังดื่มด่ำกับรสชาติของ Nescafe เพื่อนำไปสู่กลยุทธ์ที่จะกระตุ้นให้เกิดการดื่มกาแฟได้ตลอดเวลาในระหว่างวัน โดยไม่ได้เน้นว่ากาแฟจะต้องเป็นเครื่องดื่มสำหรับมื้อเช้าเท่านั้น โดยให้ความรู้สึกที่ว่า “Nescafe เป็นเพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ ที่จะช่วยให้มีความรู้สึกและพลังในด้านดีๆ ได้ในทุกช่วงเวลาและสถานการณ์ด้วย รสชาติที่ไม่เหมือนใคร”














ที่มา : http://interbrand-beverages.exteen.com/category/NESCAFE

ช่องทางการสื่อสารของ Nescafe

เนสกาแฟในประเทศไทยถือว่าเป็นกาแฟอันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคไว้วางใจ ดังนั้นช่องทางการสื่อสารของเนสกาแฟจึงจำเป็นต้องครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึง

        นอกจากสื่อที่เป็น Mass อย่างสื่อสิ่งพิมพ์ และ TVC ที่ใช้สร้างการรับรู้ได้ดีแล้ว ยังมีสื่อ Online ที่ใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคอีกด้วย

        www.nescafe.co.th เป็นเว็บไซต์ของ Nescafe ที่ไม่ใช่แค่พื้นที่แสดงสินค้าอีกต่อไป แต่เป็นการสร้างช่องทางการสื่อสารที่ทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมไปกับสื่อออนไลน์ด้วย

ค้นหาความเป็นคุณผ่านประเภทกาแฟที่ชอบ

   

บทความเกี่ยวกับกาแฟ

อีก 2 ช่องทางบนอินเทอร์เน็ต ได้แก่ facebook และ Youtube

หน้าเพจของ Nescafe ใน facebook มีความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆที่ Nescafe จัดขึ้น ให้ผู้บริโภคได้ร่วมกิจกรรม และมีข้อความหรือรูปภาพที่อัพเดทในแต่ละวัน

Channel ของ Nescafe Thailand  มีวิดีโอต่างๆของ Nescafe ให้ดูได้ฟรี

Nescafe >> กลยุทธ์การตลาด-สื่อสาร

        Nescafe  มีส่วนแบ่งในตลาดกาแฟสำเร็จรูปถึง 80 % ของมูลค่าตลาด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของ Nescafe คือกลุ่มคนทำงานออฟฟิส ซึ่งคุ้นเคยกับกาแฟผงของเนสกาแฟ และพยายามเข้าไปเจาะกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ดีกลุ่มผู้ดื่ม Nescafe กระป๋องส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มบุคคลทั่วไปหรือที่เรียกว่า กลุ่มบูลคอลลาร์

         Nescafe ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือ Nestle นั้นได้ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำในตลาดกาแฟ  และได้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งต่อมา Nescafe ได้มีการรุกตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ  มีการออกผลิตภัณฑ์กาแฟชนิดใหม่ๆเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคกาแฟที่หลากหลาย  มีการจัดกิจกรรมต่างๆทั้งในช่วงเวลาปกติ  และช่วงเวลาพิเศษ  อาทิเช่น  ช่วงวันวาเลนไทน์  Nescafe ได้จัดกิจกรรม Nescafe Perfect Cup Perfect Harmony  ให้ผู้บริโภคได้เข้าร่วมทำกิจกรรม  ซึ่งนอกจากจะเป็นการตอกย้ำในตราสินค้าแล้ว  ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี  ตลอดจนสร้างความภัคดีในตราสินค้าให้กับผู้บริโภคอีกด้วย และยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่ Nescafe จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำความเป็นหนึ่งของผู้นำผลิตภัณฑ์กาแฟ
                                   

           ในปัจจุบัน  Nestle ได้ประกาศบุกตลาดกาแฟพร้อมดื่มกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อปรับกลยุทธ์ครั้งใหม่ โดยการดึงผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “Nescafe” บุกตลาดกาแฟพร้อมดื่มอย่างเต็มตัว ดำเนินการด้านการตลาดอย่างเต็มรูปแบบทั้งนี้ Nestleยังมีการปรับเปลี่ยนระบบด้านการจัดจำหน่ายและการตลาดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่มอีกด้วย โดยดำเนินงานบริหารจัดการทั้งการจัดจำหน่ายและการตลาดเอง ทั้งนี้เนื่องจากการผลิตเองย่อมเข้าใจและรับรู้ถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากกว่า และน่าจะสามารถขยายยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดได้

            นอกจากนี้ Nestle ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภคกาแฟพร้อมดื่ม เพื่อขยายฐานไปยังผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ มากขึ้น โดยได้เตรียมการด้านการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้และรุกตลาดกาแฟพร้อมดื่มอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีทางด้านคู่แข่งอย่างม๊อคโคน่า และซูเปอร์คอฟฟี่  Nescafe  ก็ได้มีการเตรียมแผนกลยุทธ์เพื่อป้องส่วนตลาดของตนเอง  โดย  Nestle เปิดเผยว่าเนสกาแฟเป็นกาแฟยี่ห้อเดียวที่ถือครองตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% ของตลาดรวมมูลค่า 8 พันล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนแบบผงสำเร็จรูป 44% และแบบทรีอินวัน 56% ทว่าด้วยสภาพตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปที่มีอัตราการเติบโตลดลง ทั้งจากการกินตลาดของกาแฟ Segment 3 in 1 กาแฟพร้อมดื่มแบบกระป๋อง ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องหรือร้านกาแฟสด กาแฟคั่วบด ที่เปิดให้บริการเต็มทั่วทุกพื้นที่

           และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เนสกาแฟ ปรับการทำตลาดมาเป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้น  โดยใช้แคมเปญการสื่อสารการตลาดเชื่อมต่อสินค้า แบรนด์กาแฟทรีอินวัน ด้วยภาพยนตร์และกลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง อุดช่องว่างต่างจังหวัด พร้อมโหมโฆษณากาแฟผงสำเร็จรูปผ่านสื่อทีวีอย่างต่อเนื่อง  และมีการปรับสูตรกาแฟทั้ง 3 รสชาติ และ ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวแคมเปญ “เนสกาแฟ เรดคัพ” ภายใต้แนวคิดการสื่อสาร “1 ถ้วยรสชาติกาแฟเต็มๆ 1 รสชาติเข้ม เริ่มเช้าวันใหม่อย่างมั่นใจ” โดยจับกลุ่มเป้าหมาย วัยเริ่มทำงาน อายุ 24 ปีขึ้นไป โดยจะส่งผลให้ตลาดกาแฟโดยรวมเติบมากขึ้น








ข้อมูลปี 2551